วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

TCDC : Creative Thailand







Home: Yann Arthus Bertrand







โครงการอีเด็น (Eden Project)


โครงการอีเด็น (อังกฤษ: Eden Project) คือกลุ่มอาคารเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในคอร์นวอล, สหราชอาณาจักร โครงการนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ของแร่ไธดรัสอะลูมิเนียมซิลิเกตห่างจากตัวเมือง เซนต์บลาเซ 1.25 ไมล์ (2 กิโลกเมตร) และห่างจากเมืองเซนต์ออสเทลล์ 3 ไมล์ (5 กิโลเมตร)
โครงการอีเด็น

อาคารเหล่านี้ประกอบไปด้วยโดมต่างๆ ที่รวบรวมพืชจากทั่วโลก โดยพยายามทำให้เหมือนกับระบบนิเวศโลก โดมเหล่านี้ประกอบขึ้นโดยอาศัยรูปร่างหกเหลี่ยมเป็นร้อยๆแผ่น และรูปห้าเหลี่ยมในบางแห่ง เชื่อมกันจนเป็นอาคารขนาดใหญ่ อาคารนี้มีลักษณะโปร่งแสง สังเคราะห์ขึ้นจากพลาสติก ในโดมแรกนั้น เลียนแบบสิ่งแวดล้อมในเขตร้อน, โดมที่ 2 เลียนแบบเขตอบอุ่น และสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน

โครงการนี้ เป็นแนวคิดของ ทิม สมิท และออกแบบโดยสถาปนิก นิโคลัส กริมชาว และออกแบบด้านวิศวกรรม โดย แอนโทนี ฮันท์ โดยความร่วมมือของ ดาวิส แลงดอน ซึ่งทำให้การบริหารโครงการนี้สำเร็จลุล่วง, เซอร์โรเบิร์ต แมคแอลไพน์ และอัลเฟรด แมคแอลไพน์ ดำเนินการด้านการก่อสร้าง และ มีโร ออกแบบและสร้างระบบนิเวศ โครงการนี้ใช้เวลากว่า 2½ ปีในการก่อสร้างและเปิดให้สาธารณชนเข้าชมเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2544



แบบแผน
โครงการนี้ตั้งบนพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์บนพื้นที่หลุมแร่ไธดรัส อะลูมิเนียมซิลิเกต ความน่าสนใจของโครงการนี้คือ การผสมผสานระหว่างระบบนิเวศ 2 ระบบคือ เขตร้อน และเขตอบอุ่น ประกอบไปด้วยสวนผัก และงานประติมากรรม อาทิ ผึ้งยักษ์, หุ่นยนต์ยักษ์ หรือที่เรียกว่า " RSA WEEE Man" สร้างจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เก่าๆ

ระบบนิเวศ

พื้นที่ใต้หลุมอันไร้ประโยชน์ ได้มีการผสมผสานของ 2 ระบบนิเวศคือ

* ระบบนิเวศเขตร้อนชื้น ซึ่งเป็นเสมือนเรือนกระจกสำหรับเพาะปลูกพืชที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1.559 เฮกเตอร์ (3.9 เอเคอร์) วัดความสูงได้ 180 ฟุต (55 เมตร) ความกว้าง 656 ฟุต (200 เมตร)ในบริเวณนี้มีการปลูกพืชเมืองร้อน อาทิ ต้นกล้วย, กาแฟ, ยาง, ไม้ไผ่ และมีการรักษาอุณหภูมิให้เหมือนเขตร้อนอีกด้วย

* ระบบนิเวศเขตอบอุ่น ครอบคุลมพื้นที่กว่า 0.654 เฮกเตอร์ (1.6 เอเคอร์) และวัดความสูงได้ 115 ฟุต (35 เมตร) ความกว้าง 213 ฟุต (65 เมตร) และ 443 ฟุต (135 เมตร) ในเรือนหลังนี้คล้ายคลึงกับอุณหภูมิเขตอบอุ่น และมีพืชแห้งแล้ง อาทิ มะกอก, องุ่น และมีประติมากรรมอีกหลายชิ้น และระบบนิเวศกลางแจ้งเป็นตัวแทนของเขตอากาศของโลก ประกอบด้วยพืชอาทิ ชา, ลาเวนเดอร์, ฮอพ และป่าน

อาคารเหล่านี้สร้างจากวัสดุเหล็กกล้าที่มีลักษณะคล้ายท่อ ส่วนมากมีรูปร่างหกเหลี่ยม ภายนอกส่วนที่หุ้มโลหะทำมาจากเทอร์โมพลาสติกชนิด ETFE ส่วนภายนอกนั้น กระจกเป็นสิ่งต้องห้ามในการเลือกนำมาติดตั้งเพราะน้ำหนักและอันตราย ส่วนลักษณะผนังนั้นทำจากวัสดุหลายชั้นของฟิล์ม ETFE ป้องกันรังสีอัลตราไวโอเล็ต ซึ่งครอบคลุมทุกบริเวณ และขยายออกได้เพื่อป้องกันการสั่นสะเทือน นอกจากนี้ วัสดุ ETFE ต่อต้านความเครียด (ค่าความเครียดในทางฟิสิกส์, อ. "Stains" ) และยังทำให้ฝุ่นผงที่มาเกาะชะล้างออกไปได้อย่างง่ายดายเมื่อฝนตก หากต้องการทำความสะอาดสามารถใช้วิธีการไต่จากหลังคาลงมาทำความสะอาดได้ แม้ว่า ETFE สามารถมีรูรั่วได้โดยง่าย แต่สามารถซ่อมแซมได้ง่ายด้วยเทป ETFE
โครงการอีเด็นในส่วนระบบนิเวศเขตร้อนชื้น

เทคโนโลยี ETFE จัดหาและติดตั้งโดยเวกเตอร์ โฟลเทก ผู้รับผิดชอบความคืบหน้าด้านวัสดุบุผนัง ในส่วนของเหล็ก และรูปแบบบุผนัง ออกแบบ, จัดหา และติดตั้งโดย มีโณ (สหราชอาณาจักร) พีซีแอล ผู้เข้าร่วมพัฒนาแผนด้านภูมิศาสตร์ และสถาปนิก นิโคลัส กริมชาว และทีมงาน

คอมพิวเตอร์ควบคุมระบบสิ่งแวดล้อม (อุณหภูมิ, ความชื้นในแต่บะระบบนิเวศ) ออกแบบและติดตั้งโดยบริษัท HortiMaX จำกัด ผู้รับผิดชอบหน้าที่การดูแลรักษาควบคุมสิ่งแวดล้อมและระบบมอนิเตอร์

การก่อสร้างทั้งหมดอำนวยการสร้างโดย แมคแอลไพน์ จอนท์ เวนทูร



ใจกลาง

บริเวณใจกลางเป็นบริเวณใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเติมขึ้นมาในพื้นที่โครงการ และเปิดเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการศึกษาในโครงการอีเด็น, ห้องเรียน และพื้นที่จัดนิทรรศการ ออกแบบเพื่อช่วยในให้เป็นสื่อระหว่างคและพืช อาคารเหล่านี้ได้แรงบันดาลใจจากพืช โดยสังเกตได้จากท่อนไม้บนหลังคาที่ทำให้อาคารนี้มีรูปร่างแปลกและแตกต่าง
โครงสร้างรูปหกเหลี่ยมในโดมของโครงการอีเด็น

ส่วนริมโครงการ

ในพื้นที่ส่วรริมของโครงการมีโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ของโครงการอีเด็น

โครงการอีเด็นกล่าวว่าพื้นที่นี้จะเป็นสัญลักษณ์ของความคงอยู่, แสดงถึงการปฏิรูประดับสากลแห่งมวลมนุษยชาติที่มีความสามารถในการเป็นสิ่งน่า อัศจรรย์ต่างๆได้ อาคารจะเป็นแบบของเกษตรกรรม และเทคโนโลยี, การเก็บเกี่ยว และพลังงานจากดวงอาทิตย์, ลม และฝน เพื่อแสดงถึงว่า "เราจะสามารถอยู่ได้อย่างไรในอนาคต"

ภายในบริเวณริมนั้นเป็นทะเลทราย, โอเอซิส และสวนน้ำ และอาคารจะทำมาจากไม้ และมีพื้นที่พอที่จะให้ศิลปินน้ำเสียงชั้นยอด, นักประพันธ์, นักดนตรี หรือแม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำงานเป็นชุมชน เป็นครอบครัว แลกเปลี่ยนความคิดที่ดีที่สุดกัน และพัฒนาชีวิตและสภาพแวดล้อมทั้งปัจจุบัน และในอนาคต

ในบริเวณนี้ ผู้ที่คาดว่าจะได้รับคัดเลือกจัดโดย กองทุนล็อตเตอรีขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในโครงการที่แข่งขันเพื่อรางวัล 50 ล้านปอนด์ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 และมีผู้ชนะคือโครงการ ซัซทราน คอนเน็ก 2

ด้านสิ่งแวดล้อม

โดมต่างๆในโครงการนี้ ภายในมีการรวบรวมพืชพรรณที่กำลังเจริญเติบโตนานาชนิดจัดแสดงไว้

โครงการอีเด็นมีการศึกษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยมุ่งไปที่การพึ่งพาอาศัยกันของพืช และมนุษย์ โดยพืชสามารถใช้ในการปรุงทำยาได้ ที่นี่ต้องใช้น้ำประมาณมหาศาลที่จะสร้างความชื้นภายในโดมระบบนิเวศเขตร้อน พร้อมๆกันกับสิ่งอำนวยความสะดวกทางสุขาภิบาล น้ำเหล่านี้ได้มาจากการกลั่นน้ำฝนที่ถูกสะสมไว้ก้นหลุมของเหมืองแร่อันเป็น ที่ตั้งของโครงการให้สะอาด ในความเป็นจริงแล้วโดยส่วนมากการใช้น้ำนั้นจะใช้ในการปรุงอาหาร และทำความสะอาด นอกจากนี้ กลุ่มอาคารต่างๆที่นี่ ก็ใช้ "ไฟฟ้าเขียว" นั่นคือใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในคอร์นวอล หนึ่งในบริษัทที่มีความขัดแย้งกับโครงการอีเด็นในบางเรื่อง ปัจจุบันมีหุ้นส่วนในกลุ่มบริษัทไรโอทินโท บริษัทเหมืองแร่ชาวบริติช ไรโอทินโทเริ่มต้นในการทำเหมืองแร่ไททาเนียมออกไซด์ ซึ่งจะต้องถางป่าริมทะเลบริเวณกว้าง ทำให้ส่งผลค่อความหลากหลายต่อความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์

HP เอชพี โครงการวิจัยด้านการใช้พลังงานทดแทน


เอชพีเผยโครงการเกี่ยวกับพลังงานทดแทนเพื่อ ใช้สำหรับการดำเนินงาน งานวิจัย และผลิตภัณฑ์ของเอชพี ซึ่งสนับสนุนเป้าหมายใหม่ในการที่บริษัทจะเพิ่มการจัดซื้อพลังงานทดแทนจาก ทั่วโลกเป็นสองเท่า จากน้อยกว่าร้อยละ 4 ในปี พ.ศ. 2551 เป็นร้อยละ 8 ในปี พ.ศ. 2555

โครงการนี้ช่วยส่งเสริมเป้าหมายของเอชพีในการลดการใช้ พลังงาน และลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของเอชพีทั่วโลก ได้ในปริมาณที่ต่ำกว่าระดับที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2548 ถึงร้อยละ 16 ภายในปี พ.ศ. 2553



ใน การลดการก่อก๊าซคาร์บอนลงนั้น เอชพีเชื่อมั่นในการใช้ทรัพยากรที่มาจากพลังงานทดแทนในหลากหลายรูปแบบ ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการลดการใช้พลังงาน รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีของเอชพีทั่วโลกซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากให้เกิด ประโยชน์สูงสุด

ในปีพ.ศ. 2550 เอชพีได้บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มการจัดซื้อพลังงานทดแทนขึ้นมากกว่าร้อยละ 350 และได้จัดซื้อพลังงานทดแทนและคาร์บอนเครดิตในประเทศสหรัฐอเมริกาคิดเป็น จำนวน 61.4 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (kWh)

มร. จอห์น เฟรย์ ผู้บริหารอาวุโสด้านความยั่งยืนของเอชพี กล่าวว่า “เอชพีมีการลงทุนในเทคโนโลยีที่ทำให้เราสามารถเข้าใกล้การปฏิบัติงานในสภาพ แวดล้อมของไอทีที่เอื้อต่อระบบนิเวศน์แบบยั่งยืนยิ่งขึ้น เราได้ให้การสนับสนุนโครงการด้านพลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้ประโยชน์จากการวิจัยในการแสดงความเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์สิ่งแวด ล้อม และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เรื่องความกังวลของลูกค้าในด้านค่าใช้จ่ายที่ เพิ่มขึ้นจากการใช้พลังงาน”

การใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม

เมื่อ เร็วๆ นี้ เอชพีได้ติดตั้งระบบแผงควบคุมพลังงานแสงอาทิตย์แบบ 1.1 เมกะวัตต์ จำนวน 6,256 ชิ้น เข้ากับระบบการดำเนินงานของเอชพีในเมืองซาน ดิเอโก้ ซึ่งจัดว่าเป็นหนึ่งในการติดตั้งการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่ง หนึ่งในเขตเมืองซาน ดิเอโก้ และคาดว่าจะช่วยให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายถึง 7.5 แสนเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเวลา 15 ปีข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็สามารถเสริมพลังการดำเนินงานของบริษัทขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 ยิ่งไปกว่านั่น ระบบนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 60 ล้านปอนด์ ภายในช่วงเวลา 30 ปีข้างหน้า ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้านเรือนถึง 3,800 หลัง หรือการลดการใช้รถยนต์มากกว่า 5,250 คันตลอดช่วงเวลาเดียวกัน

บริษัท SunPower ได้ติดตั้งระบบ และใช้บริการ GE Energy Financial Services โดยบริษัทเป็นส่วนหนึ่งของ GE ซึ่งเป็นเจ้าของระบบที่อยู่ภายใต้ SunPower Access จะเป็นผู้ให้พลังงานไฟฟ้าภายใต้ข้อตกลงในการจัดซื้อพลังงาน

เอ ชพีได้ขยายประโยชน์ของพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังพนักงานของเอชพีในประเทศสหรัฐ อเมริกา ปัจจุบัน พนักงานของเอชพีที่ยังทำงานอยู่และเกษียณแล้วมากกว่า 600 คน ได้ขอให้มีการประเมินผลการติดตั้งระบบสำหรับบ้านเรือน และมีมากกว่า 60 คน ที่ได้รับการติดตั้งระบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว หรือกำลังอยู่ภายใต้สัญญาเพื่อทำการติดตั้ง SunPower ภายในบ้าน

เอ ชพีได้รับเลือกให้มีส่วนร่วมในโปรแกรม Green Choice ของบริษัท Austin ในการผลิตพลังงานลมประมาณ 19.9 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง จากกังหันลมในฟาร์มในรัฐเท็กซัสแถบตะวันตก เพื่อใช้ในศูนย์ข้อมูลของเอชพี 2 ศูนย์ในบริษัท Austin ซึ่งใช้ในปริมาณใกล้เคียงร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานทั้งหมดต่อปี ยิ่งไปกว่านั้น การดำเนินงานในศูนย์ข้อมูลทั้งหมดมีระบบ Dynamic Smart Cooling (DSC) ของเอชพี ช่วยให้สามารถปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ พัดลม ช่องระบายอากาศ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดค่าใช้จ่ายจากการใช้พลังงาน

ระบบ DSC ของเอชพีช่วยประหยัดการใช้พลังงานภายในศูนย์ข้อมูลของเอชพีแบบเดิม คิดเป็นร้อยละ 20 – 40 โดยศูนย์ข้อมูลของเอชพีที่อยู่ภายในบริษัท Austin สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้พลังงานได้ตามเป้าหมาย คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1 แสนเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี เนื่องมาจากการผสานเทคโนโลยี DSC ของเอชพี

เอชพีได้ควบรวมทั้ง 3 ศูนย์การดำเนินงานในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย โดยคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหลัก การออกแบบของการดำเนินงานแบบใหม่ครอบคลุมการปรับสภาวะภายในอาคารให้ลดการใช้ พลังงานลง โดยให้สอดคล้องกับระดับความร้อน ความเย็น และการใช้ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม สำหรับผลที่ได้รับ เอชพีหวังว่าจะสามารถลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 70

สภาพแวดล้อมของไอทีที่เอื้อต่อระบบนิเวศน์แบบยั่งยืน

เอ ชพีใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแบบทดแทนได้และแบบใช้แล้วหมดไปในการบริหารจัดการ พลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล การใช้แหล่งพลังงานหลากหลายรูปแบบในการดำเนินธุรกิจจะช่วยสนับสนุนการพัฒนา ระบบไมโครกริดของเอชพีสำหรับการส่งพลังงานและความเย็นภายในเทคโนโลยีของ ศูนย์ข้อมูล ซึ่งมั่นใจได้ถึงความมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการบริหารจัดการได้ และเป็นไปตามกฎหมายกำหนด ในขณะเดียวกันก็สามารถตอบโจทย์ของข้อตกลงในเรื่องระดับของการบริการได้

ห้อง ปฏิบัติการของเอชพี คือแผนกวิจัยค้นคว้าหลักของบริษัทฯ ได้ริเริ่มการวิจัยซึ่งใช้ nanowire photonic ซึ่งมีความสามารถในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานจากแสงอาทิตย์ขึ้นกว่า ร้อยละ 20 การพัฒนานี้ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์สามารถนำไปใช้กับแอพพลิเคชั่นที่อยู่ใน พื้นที่นอกระบบ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการผลิตนั้นลดลงเป็นอย่างมาก เปรียบเทียบได้กับพลังงานที่ถูกใช้ในเครื่องคิดเลขขนาดพกพา หรืออุปกรณ์ชาร์จแบบพกพา

Nanowire photonics อาจจะถูกผสานเข้ากับวัสดุที่เป็นสื่อไฟฟ้าซึ่งได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่าง ดี ซึ่งเพิ่มทางเลือกในด้านราคาที่ต่ำ โดยในอนาคต nanowire photonics อาจช่วยทำให้เกิดการใช้พลังงานทดแทนให้เกิดประโยชน์สูงสุดในอุตสาหกรรมไอที และภาคธุรกิจอื่นๆ

ในก้าวต่อไปเพื่อการลดการใช้พลังงานจำเป็นต้อง ดำเนินการในขั้นตอนของการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เอชพีวางแผนที่จะลดการใช้พลังงานในกลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะและ ตระกูลโน๊ตบุ๊คที่มีเป็นจำนวนมาก ในปริมาณร้อยละ 25 เมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2548 ปัจจุบัน เอชพีได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะใหม่ 2 รุ่น และหน้าจอใหม่ที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ด้วยหน่วยประมวลผลที่ช่วยประหยัดพลังงาน และบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้

คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่น HP Pavilion Verde Special Edition a6645f และ HP Pavilion Phoenix Special Edition a6655f ได้รับการรับประกันจาก ENERGY STAR® และผ่านข้อกำหนดที่เข้มงวดด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกำหนดโดย U.S. Environmental Protection Agency และยังผ่านมาตรฐานสำหรับการลงทะเบียนระดับ Silver ของ the Electronic Products Environmental Assessment Tool (EPEAT™) ซึ่งเป็นหนึ่งในการจัดอันดับสูงสุดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อม พร้อมกันนี้ เอชพีได้เปิดตัวหน้าจอรุ่น HP w2558hc Vivid Color ขนาด 25.5 นิ้ว ที่ได้รับการออกแบบมาให้สอดคล้องกับหลักสรีระศาสตร์ ซึ่งผ่านการรับประกันจาก ENERGY STAR® เช่นกัน พร้อมนำเสนอคุณสมบัติ Power Saver ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานลงได้

คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่น พิเศษช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดพลังงานได้สูงถึงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับเครื่องพีซีที่ปราศจากการควบคุมพลังงาน และมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลทั้งหมด โดยมีส่วนประกอบที่ทำมาจากโฟมพลาสติกอยู่น้อยมาก

เอชพีและสิ่งแวดล้อม
เอ ชพีเป็นผู้นำทางด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาเป็นเวลาหลายทศวรรษด้วยการผลัก ดันให้บริษัทเป็นผู้ให้บริการอย่างแท้จริงผ่านการออกแบบที่ครบวงจรสำหรับ กลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม เอชพีเป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติให้แก่อุตสาหกรรมไอทีผ่านความ มุ่งมั่นจริงจังที่มีมาอย่างยาวนานในการรักษาความรับผิดชอบต่อซัพพลายเซน ดำเนินธุรกิจโดยใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบต่อโลก และนำเสนอทางเลือกในการนำผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิล นอกจากนี้ เอชพียังช่วยให้ลูกค้าสามารถทราบถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่าน โปรแกรม HP Eco Solutions ที่จะช่วยให้ลูกค้าทราบได้ว่าผลิตภัณฑ์และบริการใดถูกสร้างขึ้นโดยคำนึงถึง สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าชมได้ที่ www.hp.com/environment